บทที่ 4 แรงมวลและกฎการเคลื่อนที่
แรงมวลและกฎการเคลื่อนที่
สภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
สภาพการเคลื่อนที่คงเดิม หมายถึง อาการที่วัตถุอยู่นิ่งหรือมีความเร็วคงที่ เช่น นักเรียนคนหนึ่งยืนอยู่นิ่ง ๆ บนพื้น เป็นต้น
สภาพการเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลง หมายถึงอาการที่วัตถุมีการเคลื่อนที่ด้วยความเร่ง เช่น
นักเรียนคนหนึ่งกำลังออกวิ่ง รถยนต์กำลังเบรกกะทันหัน เป็นต้น
สภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ มีองค์ประกอบ ดังนี้
1. แรง
ในชีวิตประจำวัน
ทุกคนออกแรงกระทำต่อวัตถุต่างๆกัน เช่น ดันประตู หิ้วกระเป๋า ยกหนังสือ เข็นรถ
เป็นต้น การออกแรงดังกล่าวจะบอกขนาดของแรงว่ามากหรือน้อย มักใช้ความรู้สึกเข้าช่วย
เช่น รู้สึกว่ายกหนังสือออกแรงน้อยกว่าเข็นรถ
การบอกขนาดของแรงดังกล่าวจะได้ข้อมูลไม่เที่ยงตรง
ส่วนการบอกขนาดของแรงในทางฟิสิกส์นั้นจะบอกจากผลของแรง ได้แก่ มวลวัตถุ
และการเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ
เพราะแรงสามารถทำให้วัตถุเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ได้(โดยกำหนดให้ขนาดของแรง 1 นิวตันคือ
ขนาดแรงที่ทำให้มวล 1 กิโลกรัมเคลื่อนที่ไปตามแนวแรงด้วยความเร่ง 1 เมตร/วินาที2 )
จากรูป - ถ้าวัตถุมีมวลขนาด 1 กิโลกรัม เคลื่อนที่ไปตามแนวแรงด้วยความเร่ง 1 เมตร/วินาที2 แรง F ที่ดึงวัตถุนั้นจะมีขนาดเท่ากับ 1 นิวตัน แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์มีทั้งขนาดและทิศทาง หน่วยของแรงตามระบบ SI คือนิวตัน(N) และแรงสามารถทำให้วัตถุเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ได้
1.1 แรงเสียดทาน
แรงเสียดทาน (
friction ) หมายถึง แรงที่ต่อต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุโดยเกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุกับผิวของพื้น แรงเสียดทานมีทิศตรงข้ามกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ
1.2 ปัจจัยที่มีผลต่อแรงเสียดทาน
1.2.1. มวลของวัตถุ วัตถุที่มีมวลมากจะกดทับลงบนพื้นผิวมาก จะมีแรงเสียดทานมากกว่าวัตถุที่มีมวลน้อยซึ่งจะกดทับลงบนพื้นผิวน้อย เช่น การวิ่งของนักกีฬา
คนที่มีมวลมากจะมีแรงเสียดทานมากกว่าคนที่มีมวลน้อย
1.2.2. ลักษณะผิวสัมผัส ผิวสัมผัสที่เรียบจะเกิดแรงเสียดทานน้อยกว่าผิวสัมผัสที่ขรุขระ
1.2.3. ชนิดของวัตถุ ยางมีแรงเสียดทานมากกว่าไม้
1.3. ประเภทของแรงเสียดทาน จำแนกประเภทของแรงเสียดทานตามลักษณะการเคลื่อนที่ของวัตถุได้ 2 ประเภท คือ
1.3.1. แรงเสียดทานสถิต (Static
Friction) คือ แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุยังไม่เคลื่อนที่( อยู่นิ่ง) จนกระทั่งวัตถุเริ่มเคลื่อนที่ เช่น ออกแรงผลักรถแล้วรถยังอยู่นิ่ง เป็นต้น
แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นนี้จะเท่ากับแรงที่มากระทำและมีค่าสูงสุดเมื่อวัตถุเริ่มจะเคลื่อนที่
1.3.2. แรงเสียดทานจลน์ (Kinetic
Friction) คือ แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุขณะที่วัตถุกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว เช่น การกลิ้งของวัตถุ การลื่นไถลของวัตถุและการไหลของวัตถุ เป็นต้น
แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นนี้จะเท่ากับแรงที่มากระทำ ซึ่งค่าของแรงเสียดทานจลน์จะน้อยกว่าแรงเสียดทานสถิตเสมอสำหรับผิวสัมผัสเดียวกัน
1.4. สัมประสิทธิ์ของแรงเสียดทาน (
coefficient of friction ) เป็นค่าตัวเลขที่แสดงถึงการเกิดแรงเสียดทาน
ขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุ 2 ชนิด ใช้สัญลักษณ์แทนด้วยตัวอักษร (มิว )
2. มวล
ปริมาณของวัตถุที่ต้านการเปลี่ยนสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ
มวลเป็นปริมาณ สเกลาร์ มีหน่วยวัดเป็นกิโลกรัม(kg)
(วัตถุที่อยู่นิ่ง จะต้านความพยายามที่จะทำให้วัตถุนั้นเคลื่อนที่
ในทำนองเดียวกัน วัตถุที่กำลังเคลื่อนที่อยู่แล้ว
ก็จะต้านความพยายามที่จะทำให้วัตถุนั้นหยุดนิ่ง วัตถุมวลมากจะต้านได้มาก
วัตถุมวลน้อยจะต้านได้น้อย)
เซอร์ไอแซกนิวตัน (Sir
Isaac Newton) นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ
ได้ศึกษาธรรมชาติของแรงที่มีผลต่อสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ
และได้ตั้งกฎการเคลื่อนที่ 3 ข้อ
เพื่ออธิบายถึงสภาพการเคลื่อนที่และการเปลี่ยนแปลงสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุ
ดังต่อไปนี้
กฎการเคลื่อนที่นิวตัน (Newton's
Laws)
โลกหมุนรอบตัวเองตลอดเวลา
ทำให้เกิดกลางวัน-กลางคืน สิ่งมีชีวิตจึงสามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้
การที่โลกหมุนรอบตัวเองตลอดเวลานี้ เนื่องจากมีแรงที่มากระทำต่อโลกนั่นเอง
ในทำนองเดียวกัน การที่วัตถุต่างๆ บนโลก เคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้
ก็ต้องมีแรงมากระทำต่อวัตถุเช่นกัน ซึ่งการเคลื่อนที่เนื่องจากแรงดังกล่าว
สามารถอธิบายได้ด้วย กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน (Newton's Laws)
นิวตัน หรือ เซอร์ไอแซก นิวตัน
เป็นนักคณิตศาสตร์ นักฟิสิกส์ นักดาราศาสตร์ นักปรัชญาชาวอังกฤษ
เขาได้ศึกษาการเคลื่อนที่ของวัตถุ และตั้งกฎการเคลื่อนที่ขึ้นมา 3 ข้อ เพื่ออธิบายธรรมชาติของการเคลื่อนที่ของวัตถุต่างๆ เรียกว่า
กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน (Newton's Laws) ได้แก่
กฎข้อที่ 1 วัตถุใดๆ
ก็ตามจะรักษาสภาพหยุดนิ่ง หรือเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ในทิศทางเดิม ก็ต่อเมื่อแรงลัพธ์ที่มากระทำต่อวัตถุมีค่าเท่ากับศูนย์
จากกฎข้อนี้สามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณี คือ วัตถุที่อยู่นิ่ง
และวัตถุที่มีการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ในทิศทางเดิม
วัตถุอยู่นิ่ง ความเร็ว (v) เท่ากับ 0 m/s ความเร่ง (a) เท่ากับ 0 m/s2
วัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ ความเร็ว (v) ไม่เท่ากับ 0 m/s ความเร่ง (a) เท่ากับ 0 m/s2
วัตถุอยู่นิ่ง ความเร็ว (v) เท่ากับ 0 m/s ความเร่ง (a) เท่ากับ 0 m/s2
วัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ ความเร็ว (v) ไม่เท่ากับ 0 m/s ความเร่ง (a) เท่ากับ 0 m/s2
เช่น วัตถุอยู่นิ่งกับที่เมื่อไม่มีแรงมากระทำ
หรือวัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 3 เมตรต่อวินาทีไปทางทิศเหนือ
และจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 3 เมตรต่อวินาทีไปทางทิศเหนือเช่นนี้เรื่อยๆ
เมื่อไม่มีแรงใดๆ มากระทำ หรือแรงลัพธ์ที่มากระทำต่อวัตถุมีค่าเป็น 0
สมการกฎข้อที่ 1
∑F = 0
∑F = 0
เมื่อ ∑F คือ ผลรวมของแรงหรือแรงลัพธ์
กฎข้อที่ 2 ความเร่งของวัตถุใดๆ
ขึ้นกับตัวแปร 2 ตัว ได้แก่ แรงลัพธ์ที่มากระทำต่อวัตถุ และมวลของวัตถุ
โดยความเร่งแปรผันตรงกับแรงลัพธ์ที่มากระทำ แต่จะแปรผกผันกับมวลของวัตถุ
จากกฎข้อนี้กล่าวได้ว่า
เมื่อแรงลัพธ์ที่กระทำกับวัตถุมีค่าเพิ่มขึ้น ความเร่งก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
แต่เมื่อมวลของวัตถุเพิ่มขึ้น ความเร่งของวัตถุจะลดลง
สมการกฎข้อที่ 2
∑F = ma
∑F = ma
เมื่อ ∑F คือ ผลรวมของแรงหรือแรงลัพธ์
m คือ มวลของวัตถุ
a คือ ความเร่งของวัตถุ
*F หรือแรง มีหน่วยเป็น นิวตัน
โดย 1 นิวตัน เท่ากับ 1 kg • m/s2
หรือหมายความว่า แรง 1 นิวตัน คือ แรงที่ทำให้วัตถุ 1 กิโลกรัม เคลื่อนที่ด้วยความเร่ง 1 m/s2
โดย 1 นิวตัน เท่ากับ 1 kg • m/s2
หรือหมายความว่า แรง 1 นิวตัน คือ แรงที่ทำให้วัตถุ 1 กิโลกรัม เคลื่อนที่ด้วยความเร่ง 1 m/s2
กฎข้อที่ 3 ทุกๆ
แรงกิริยา จะมีแรงปฏิกิริยาในปริมาณที่เท่ากันแต่ทิศทางตรงกันข้ามกระทำกลับมา หรือ
แรงกิริยาเท่ากับแรงปฏิกิริยา
สมการกฎข้อที่ 3
F12 = - F21
เมื่อ F12 คือ แรงกิริยาที่วัตถุชิ้นที่ 1 กระทำต่อวัตถุชิ้นที่
2
F21 คือ แรงปฏิกิริยาที่วัตถุชิ้นที่ 2 กระทำต่อวัตถุชิ้นที่
1
ตัวอย่างเช่น ขณะที่คนกำลังพายเรือ
จะดันไม้พายไปข้างหลัง และเกิดความเร่งขึ้น มีแรงที่ไม้พายกระทำต่อน้ำ
เป็นแรงกิริยา และน้ำจะดันไม้พายไปข้างหน้า ซึ่งเป็นแรงปฏิกิริยา
เป็นผลให้เรือเคลื่อนไปข้างหน้า ขนาดของแรงที่ไม้พายกระทำกับน้ำ เท่ากับ
ขนาดของแรงที่น้ำกระทำกับไม้พาย แต่มีทิศทางตรงข้ามกัน
การนำกฎการเคลื่อนที่ของนิวตันไปใช้
กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันทั้ง
3 ข้อเป็นความรู้พื้นฐานที่สำคัญมากในวิชาฟิสิกส์
ซึ่งสามารถทำให้เข้าใจหรือใช้อธิบายสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุทุกชนิด
และยังเป็นพื้นฐานสำหรับการนำไปศึกษาเรื่องอื่น ๆ ในบทต่อ ๆ ไป
และการแก้ปัญหาในปัญหาต่าง ๆ
ที่กล่าวมาสามารถนำเอากฎการเคลื่อนที่ของนิวตันมาวิเคราะห์เป็นขั้นตอนได้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น